บทที่ 2 ตอนที่ 2

เนโลคลิสยืนตัวตรง พลางยกตระกร้าผลไม้ในมือขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้คู่สนทนาต่างวัยได้เห็น

“ฉันไม่ได้มาร้าย เห็นไหม”

แม้จะไม่อยากเชื่อ แต่เด็กสาวก็ไม่มีทางเลือก “ก็ได้ฉันจะพาไปพบคุณย่า แต่ถ้าคุณคิดไม่ดีเมื่อไหร่ ฉันจะชกให้คว่ำเลย บอกไว้ก่อนนะว่าฉันน่ะเป็นมวย” ว่าแล้วก็ชูสองมือขึ้นแล้วกำหมัด

เนโลคลิสหัวเราะเบาๆ “ทราบแล้วครับ แม่นักมวยคนเก่ง”

เข็มหอมเชิดหน้าสูงภาคภูมิใจกับคำเยินยอ “ตามมา แต่อย่าตุกติกล่ะ ไม่งั้นชกคว่ำแน่”

“ครับ”

เนโลคลิสอมยิ้มเดินตามร่างเล็กไซส์มินิของเด็กสาวที่อายุอานามไม่น่าจะเกินสิบห้าสิบหกเดินลึกเข้าไปภายในอาณาเขตของคฤหาสน์หลังทรุดโทรม

ทางเดินทอดยาวจากลานจอดรถเข้าสู่ตัวตึกใหญ่สีขาวหมองมัวไม่ไกลมากนัก แต่กระนั้นเขาก็สามารถมองเห็นความทรุดโทรมของทุกสิ่งได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

กระถางต้นไม้วางเรียงรายตามทางเดิน แต่ต้นไม้ภายในนั้นแห้งเหี่ยวราวกับขาดน้ำมาแรมเดือน ราวกับแม่เด็กสาวข้างหน้าจะรู้ได้ถึงความสงสัยของเขา หล่อนหยุดเดิน และหันหน้ามามอง

“ฉันไม่ได้ขี้เกียจรดน้ำหรอกนะ”

“หือ?” เนโลคลิสครางเบาๆ ในลำคอ

“แต่ฉันต้องช่วยคุณย่าประหยัดน้ำน่ะ ค่าใช้จ่ายในบ้านเยอะมาก เงินเก็บของคุณย่าก็เจียนจะหมดเต็มทีแล้ว”

เนโลคลิสนิ่งเงียบฟังแม่สาวน้อยที่เขาเองก็ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเล่าเรื่องต่อไป

“คุณไม่ต้องมาทำหน้าเวทนาฉันแบบนั้นเลย เพราะจริงๆ แล้วฉันน่ะเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยเชียวนะ เมื่อก่อนฉันอยากได้อะไรก็ได้ ใช้เงินซื้อได้ทุกอย่างที่ต้องการ งานบ้าน งานสวนไม่เคยแตะเลยด้วยซ้ำ นี่ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันน่ะเคยมีต้นห้องถึงสามคนเชียวนะ แถมยังมีพี่เลี้ยงอีกสองคนด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีเงินจ้างแล้วล่ะ”

“เกิดอะไรขึ้นหรือ”

“นี่คุณไม่ทราบจริงๆ เหรอ ข่าวออกจะดัง”

สีหน้าหยิ่งทระนงของเด็กสาวตรงหน้าหม่นหมองลง

“ฉันไม่รู้หรอก ฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย” เนโลคลิสส่ายหน้าน้อยๆ น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย

เข็มหอมถอนใจเบาๆ ฝืนยิ้มกว้างๆ “นั่นสินะ คุณเป็นฝรั่งนี่ โชคดีนะว่าฉันเรียนโรงเรียนนานาชาติมาตั้งแต่เด็ก ไม่อย่างนั้นคงฟังคุณพูดไม่รู้เรื่องแน่ๆ”

แม่สาวน้อยพูดไปก็เริ่มจับจ้องมองเขาไป “คุณไม่ใช่ฝรั่งยุโรปนี่ อิตาเลี่ยน หรือกรีกคะ”

“ผมเป็นคนกรีก”

นิ้วเรียวดีดกันจนเกิดเสียงดัง

“ว่าแล้วเชียวถ้าไม่ใช่อิตาเลี่ยนก็ต้องเป็นคนกรีก หน้าเข้มๆ คมคาย ชอบไว้หนวดหร็อมแหร็มแบบนี้ มองไม่ยากหรอก”

เนโลคลิสไม่ได้โต้ตอบยืนนิ่ง

“แต่ว่าภาษาอังกฤษคุณน่ะสุดยอดเลยนะคะ ไม่มีแปร่งหรือเพี้ยนเลยค่ะ”

“ขอบใจที่ชม แต่เธอยังไม่ตอบฉันเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่”

สีหน้าสดใสกลับไปสลดอีกครั้ง “ฉันว่าจะไม่เล่าแล้วน่ะเนี่ย”

“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า ฉันไม่บังคับหรอก”

“ได้ที่ไหนกันล่ะ เผลอตัวไปแล้วก็ต้องพูดให้จบ จริงไหม” เจ้าหล่อนพูดเองเออเองจนน่าขบขัน

“พ่อฉันล้มละลายน่ะ ท่านเอาเงินไปทุ่มกับหุ้นจนหมด สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย ยกเว้นบ้านหลังนี้”

“แล้วตอนนี้พ่อของเธอไปไหนเสียแล้วล่ะ”

“ท่านยิงตัวตายไปแล้วล่ะ”

เขาเห็นดวงตากลมโตมีหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอ ก่อนที่เจ้าหล่อนจะหันหน้าหนีไป และปั้นเสียงหัวเราะ

“ท่านคงคิดถึงคุณแม่มาก เลยรีบตามไปอยู่ด้วย แต่ท่านคงลืมไปว่าฉันกับคุณย่าก็คิดถึงคุณแม่เหมือนกัน”

เข็มหอมชำเลืองมองท่อนแขนกลมกลึงของตัวเองที่ถูกมืออบอุ่นแตะแผ่วเบาเชิงเตือนสติ

“คิดถึงได้ แต่ไม่ใช่การคิดสั้นและตามไปอยู่ด้วย เอาล่ะ ฉันจะไม่ถามอะไรเธอแล้ว พาฉันไปพบคุณย่าของเธอเถอะ”

คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กะพริบตาเร็วๆ สามสี่ครั้ง ก็ยิ้มกว้างออกมา

“นั่นสิ ทำไมฉันต้องมาบ้าเล่าเรื่องนี้ให้คนแปลกหน้าอย่างคุณฟังด้วยก็ไม่รู้”

แล้วแม่คุณก็ทำหน้ายักษ์ใส่เขาเหมือนเดิม

“เดินตามมาค่ะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

เนโลคลิสออกเดินตามร่างอรชรของคู่สนทนาอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าการพบกันในครั้งนี้จะทำให้ชีวิตหนุ่มถูกจองจำไปตลอดกาล

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

เสื้อไหมพรมสีม่วงตัวใหญ่ไม่อาจจะซ่อนความชราภาพของคุณอรณี สวัสดิกุลเอาไว้จากสายตาของเนโลคลิสได้ ชายหนุ่มโค้งคำนับตามมารยาทเมื่อเผชิญหน้า

“สวัสดีครับ ผมเนโลคลิส ซาเวลลาส ผู้ที่ติดต่อขอซื้อที่ดินจากคุณอรณีครับ”

“นั่งลงสิ”

น้ำเสียงแหบพร่าดังแค่เพียงในลำคอ ก่อนที่หญิงชราร่างกายผ่ายผอมจะหันไปสั่งหลานสาวที่ยืนกัดกินแอปเปิ้ลที่หยิบออกมาจากตะกร้าของฝากอย่างเอร็ดอร่อย

“หอมไปยกน้ำมาต้อนรับแขกสิ”

“ค่ะ คุณย่า”

เด็กสาวรับคำเสียงสดใส เดินออกไปพร้อมกับตะกร้าผลไม้ในมือที่แสนจะหวงแหน

อรณีมองตามหลังของหลานสาวไปจนลับตา ก่อนจะหันมาประสานสายตากับแขกหนุ่มผู้หล่อเหลา

“ก็อย่างที่คุณเห็น ที่นี่อัตคัดมาก หลานสาวของฉันเลยต้องออกมาจากโรงเรียนทั้งๆ ที่ยังไม่จบ Grade 10 ด้วยซ้ำ แต่จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเสาหลักของครอบครัวชิงตายไปเสียก่อนนี่”

“ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”

อรณียิ้มบางๆ พลางพินิจบุรุษต่างชาติตรงหน้าอย่างละเอียดลออ “คุณมาจากที่ไหนหรือคะ”

“ผมเป็นคนกรีกครับ”

“กรีก?”

“ครับ ผมเดินทางมาที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ก็เพราะต้องการจะซื้อที่ดินของคุณอรณีครับ”

สีหน้าของหญิงชรายังคงเจือจางไปด้วยรอยยิ้ม “จะซื้อเอาไปทำอะไรล่ะ ขายต่อเหรอ”

“ผมจะสร้างโรงแรมตรงนี้ครับ”

“ก็เข้าท่าดีนะ ตรงนี้คือใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ คุณนี่ตาถึงไม่เบานะ”

“ขอบคุณครับ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป